ถ้าพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ต่างๆ ที่ผู้คนนิยมไปสักการะบูชากราบไหว้ หนึ่งในนั้นต้องมี "เขาคิชฌกูฎ"
ยอด "เขาคิชฌกูฏ" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เขาคิชฌกูฏเป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ "รอยพระพุทธบาท" มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ มีรอยลึกประมาณ 2 เมตรเศษ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ค้นพบที่ยอดเขาพระบาทห่างจากที่ทำการอุทยานเขาคิชฌกูฏราว 4 กม.
ที่มาของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธเป็นยอดเขาที่มีแนวเขาล้อมโดยรอบ และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) เหตุผลเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย
โดยสภาพภูมิประเทศคล้ายคลึงและบนยอดเขามีสิ่งศกดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับพระพุทธองค์ คือ รอยพระพุทธบาท และหินลูกบาตร ที่ตั้งข้างรอยพระพุทธบาท อยู่ในลักษณะคล้ายลอยอยู่ริมลานพระพุทธบาทฝั่งตรงข้ามหินลูกบาตรมีรอยพระหัตถ์ไปรับหินก้อนนี้ และในหินก้อนนี้ ตรงข้ามกันรอยพระหัตถ์ มีรูปรอยเท้าใหญ่ (รอยเท้าพญามาร) ใต้พระบาทมีถ้ำตาฤาษี
จึงน่าจะใช้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงพระบรมศาสดา ในทุกๆ ปีจะมีพิธีเปิดและพิธีปิดการขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ พระครูธรรมสรคุณ ยังได้สอนว่า "เท้าของพระพุทธองค์ แม้ประดิษฐานอยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม ถ้าเรามีความเชื่อมั่น เคารพกราบไหว้ด้วยใจ อธิษฐานแล้ว ย่อมเกิดผลสำเร็จแก่ผู้นั้นทุกคนและเป็รสิริมงคลแก่ผู้นั้นตลอดไป"
แต่ต้องตั้งจิตอธิษฐานให้ดี ปราถนาสิ่งใดที่ดีที่ชอบขอได้ตามความพอใจ กลับไปจะมีแต่ความปลอดภัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและเทพยดาที่รักษารอยพระพุทธบาทแห่งนี้ จะอำนวยอวยพรให้ท่านได้รับแต่ความสขตามสมบูรณ์พูลผล ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป
ซึ่งผู้อยากจะขึ้นไปสักการะบูชาสิงศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขานั้นจะต้องมีจิตศรัทธาที่แรงกล้า เนื่องจากต้องเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขาอีกราว 3 กม. ท่ามกลางผู้คนที่มีศรัทธาเดียวกันมากมายที่เบียดเสียด เพราะการจะขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏ จะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี หรือช่วงช่วงประมาณปลายเดือนมกราคม - เดือนมีนาคม (ในปีนี้อยู่ช่วงระหว่างวันที่ 29 มกราคม ถึง 29 มีนาคม 2568 ) หรือแค่ประมาณ 2 เดือนต่อปีเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากพุทธศาสนิกชนมากมายจากหลายที่ต่างถิ่น จะพร้อมใจกันมาสักการะบูชาแผ่นหินซึ่งเชื่อว่าประทับรอยพระพุทธบาทไว้ จะได้อานิสงส์แรงกล้า เปรียบได้กับการได้เข้าเฝ้าองค์พระศาสดาถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่
ปัจจุบันได้มีการจัดเดินป่าขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ เพื่อไปสักการะบูชารอยพระพุทธบาทจนกลายเป็นงานประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานาน โดยมีความเชื่อว่าจะได้บุญสูง และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก...ในอดีตจะเป็นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา แต่ในปัจจุบันมีรถบริการให้ประชาชน ได้เดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
เรื่องเล่าความลี้ลับของผู้ที่หลบหลู่ความศักดิ์สิทธิ์ของเขาคิชฌกูฏ
พระครูธรรมสรคุณ (ท่านพ่อเขียน) เล่าว่า "พวกที่ไปด้วยไม่ศรัทธาจะถูกรุกขเทวดาที่ปกปักรักษารอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏลงโทษบ่อย ๆ ทุกปี" ดังกรณี ปี 2513 มีชนศาสนาอื่นมาจากจังหวัดระยองขึ้นเขาพระบาทเพื่อไปเที่ยวสนุกกับเพื่อน เพื่อนๆพากันนมัสการรอยพระพุทธบาท แต่เขาไม่และหัวเราะเยาะเพื่อนว่า หลงไปกราบหิน กราบรอยอะไรก็ไม่รู้ และไม่ถอดรองเท้าเมื่อเข้าไปลานพระพุทธบาท เขารู้สึกง่วงไปนอนบนลานหินทางทิศใต้ของรอยพระพุทธบาทและหลับไป และผันว่าวิ่งลงมาจากที่สูงแต่ที่จริงใช้หลังวิ่งกลิ้งลงไป หัวกระแทกหินแตกหลายแผล สลบไปหลายชั่วโมง
อีกรายหญิงสาววัยรุ่นไม่เคารพปูชนียสถานเข้าไปลานพระพุทธบาทโดยไม่ถอดรองเท้า ขณะนั้นเองค์เทวดาที่รักษาองค์พระพุทธบาท บัลดาลให้ลมพัดอย่างแรง พัดพาร่างหญิงสาวปลิว ทรงกายไม่อยู่เสียหลักไปชนหินสลบไป
สองกรณีเป็นเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ยังมีผู้ไม่รู้และไม่ศรัทธายังลบหลู่ปูชนียสถาน นึกว่าเป็น "ที่ท่องเที่ยว"ขึ้นไปลานพระพุทธบาทเพื่อความสนุกสนาน ซึ่งทำให้เกิดผลร้ายอยู่เนื่องๆ ขึ้นไปถึงลานพระพุทธบาทจงทำแต่ความดีทั้งกายใจและจิตส่งกระแสไปยังพระพุทธองค์อุปมาเหมือนท่านยังทรงมีชีวิต ประทับอยู่ต่อหน้าผู้ไปนมัสการ
ข้อปฏิบัติในการเดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏสำหรับคณะทัวร์ที่ร่วมเดินทางกับทัวร์เขาคิชฌกูฎ
1. สามารถศึกษารายละเอียดในเว็ปไซต์ และจองทัวร์ผ่านไลน์ที่ Line ID : @rotpaikhao
2. ขั้นตอนกลางจองระบุชื่อผู้จอง เบอร์โทรติดต่อ วันเดินทาง จำนวนผู้เดินทาง ไปทางไลน์
3. เมื่อผู้จองชำระเงินจองหรือเงินมัดจำกรณีเหมาคันแล้ว ลูกค้าจะได้รับเลขที่จองเพื่อยืนยันการเดินทาง
4. หลังจากได้เลขรับจองแล้ว ทางทีมงานทัวร์เขาคิชฌกูฎจะส่งรายละเอียดการเดินทางและการเตรียมตัวให้อีกครั้ง
5. ประมาณ 09.00 น.ของวันเดินทางทีมงานจะจัดส่งเลขทะเบียนรถ ชื่อคนขับ เบอร์โทรคนขับ จุดนัดพบและเวลาให้อีกครั้ง
6. เมื่อลูกค้าเดินทางถึงจุดนัดพบตามเวลาที่นัดหมายแล้วสามารถแจ้งเลขที่จองกับคนขับรถได้ทันที
7. เมื่อเดินทางเขาคิชฌกูฏ คนขับรถจะอธิบายจุดจอดรถเบื้องต้นให้ลูกค้าทราบ รวมถึงเวลานัดหมายเจอกัน และพาลูกค้าไปส่งขึ้นรถซึ่งทางทีมงานได้จองตั๋วรถไว้ให้ลูกค้าล่วงหน้าแล้ว ลูกค้าจะได้ไม่เสียเวลารอนาน
8. สำหรับผู้ที่จะไปสักการะรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฎ ทางอุทยานไม่อนุญาติให้นำดอกไม้ขึ้นไปสักการะบนยอดเขาได้ ซึ่งถ้าลูกค้าเตรียมมาจะสามารถสักการะได้ตรงลานสีวลีเท่านั้น(จุดลงรถโฟร์วิลล์)
9. ด้านล่างทางขึ้นเขาคิชฌกูฏจะมีจำหน่ายดอกไม้ ธูป เทียน พลอยวันเกิด และพลอยปีเกิด ราคาประมาณชุดละ 150 บาท ลูกค้าจะซื้อทั้งชุดหรือซื้อแยกก็ได้ ถ้าซื้อแยกชุดละ 20 บาท (แต่สำหรับดอกไม้จะต้องไหว้ทั้งหมดที่ลานสีวลีเท่านั้น)
10. หากวันเดินทางท่านสงสัยเรื่องเวลานัดหมาย การเดินทางขึ้นเขา หรือประสงค์จะฝากสิ่งของไว้บนรถตู้ ท่านต้องสอบถามคนขับรถตั้งแต่ตอนไปถึงเขาคิชฌกูฎ เนื่องจากเมื่อคนขับรถส่งท่านขึ้นรถโฟร์วิลล์สำหรับต่อขึ้นเขาแล้ว คนขับรถจะต้องพักผ่อนและไม่สามารถรับโทรศัพท์ท่านได้ สำหรับสิ่งของที่ท่านต้องการฝากไว้บนรถตู้ท่านสามารถมาขอรับได้อีกทีเวลา 06.00 น.เท่านั้น ดังนั้นสิ่งของที่ท่านจำเป็นต้องใช้ก่อนเวลาดังกล่าวควรนำติดตัวขึ้นเขาไปด้วย โดยหากระเป๋าเป้สะพายเล็กๆ จะสะดวกที่สุด
11. หากลูกค้าท่านใดสักการะรอยพระพุทธบาทเสร็จและลงมาเร็วก่อนเวลานัดหมาย บริเวณที่จอดรถจะมีบริการห้องน้ำและห้องอาบน้ำ รวมถึงเตียงผ้าใบสำหรับพักผ่อนบริการ (ลูกค้าชำระค่าบริการเอง) ซึ่งบริเวณดังกล่าวอาจจะมียุงบางลูกค้าควรเตรียมอุปกรณ์ทากันยุงหรือซื้อบริเวณนั้นได้ค่ะ
12. บนรถตู้ค่อนข้างจะอากาศเย็นเนื่องจากเดินทางตอนกลางคืนลูกค้าอาจจะมีผ้าพันคอหรือเสื้อคลุมบางๆ กันหนาวนะคะ
13. บนเขาคิชฌกูฎช่วงเปิดแรกๆ อากาศจะเย็นอยู่และมีหมอกหนาค่ะ อาจจะเตรียมเสื้อคลุมบางๆ หรือผ้าพันคอค่ะ ไม่จำเป็นต้องหนามากนะคะเพราะระหว่างทางต้องเดินก็จะไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ค่ะ สำหรับคนที่ชอบอากาศเย็นสบายมากๆ ค่ะ
14. ที่สำคัญระหว่างทางนั่งรถโฟร์วิลล์ขึ้นเขาก็จะมีลม และฝุ่นบ้างในบางจุดค่ะ ถ้าใครแพ้ฝุ่นแพ้ลมแนะนำให้เตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วยนะคะ
15. สำหรับทริปจอยทางทัวร์จำเป็นต้องแวะตามจุดที่กำหนดไว้ค่ะ
*** ขอให้ผู้แสวงบุญทุกท่านมีแต่ความสุข สมหวังดั่งใจคิดไว้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.sanook.com,www.intaram.org , www.chanforchan.com, thai.tourismthailand.org/
ขอบคุณภาพประกอบจาก คู่หูเดินทาง